โดยธรรมชาติของการทำตามซอฟต์แวร์ให้ตรงความต้องการของผู้ใช้งาน เราสามารถแบ่งการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (Custom Software Development) ออกจากวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบอื่น ๆ
บริษัทซอฟต์แวร์ start up ต่างต้องการดึงดูดผู้ใช้ให้มากที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันที่พวกเขาพัฒนาขึ้น ซึ่งจะต้องมีข้อได้เปรียบต่าง ๆ มากมาย จากแอปพลิเคชันที่มีอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทมีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จในเชิงพาณิชย์และการตลาด ยิ่งจำเป็นต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้แอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ที่ตนพัฒนามีผู้ใช้งานให้มากที่สุด
และในข้อเท็จจริง work flow บางอย่างก็ต้องการข้อกำหนดที่กำหนดเองได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้วิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (Custom Software Development) เพื่อเดินหน้างานต่าง ๆ ต่อไป
การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (Custom Software Development) เป็นกระบวนการของการออกแบบ พัฒนา และผลิตแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้แบบเฉพาะเจาะจงเพื่อให้ตรงตามความต้องการทางธุรกิจ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพียงการพัฒนาซอฟต์แวร์ปกตินี่แหล่ะ แต่จะมีเป้าหมายเฉพาะ เพมาะสำหรับผู้ที่จะใช้มันโดยตรงเท่านั้น กำหนดว่าจะใช้งานเมื่อไหร่ ที่ไหน และวิธีใช้งานอย่างไร นี่คือสาเหตุที่เรียกง่าย ๆ ว่า “ซอฟต์แวร์สั่งทำพิเศษ” หรือ “ซอฟต์แวร์แบบตามสั่ง” นั่นเอง
ก่อนอื่นเลย การที่จะเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (Custom Software Development) สิ่งสำคัญคือ คุณจำเป็นต้องคิดและตัดสินใจแล้วว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เนื่องจากกระบวนการในการพัฒนานี้มุ่งเน้นผลลัพท์แบบเฉพาะเจาะจงสำหรับธุรกิจของคุณเท่านั้น คุณต้องรู้ว่าควรหลีกเลี่ยงขอบเขตงานที่ไม่จำเป็นหรือการใช้ทรัพยากรในการพัฒนาที่ไม่จำเป็นอย่างไร
การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (Custom Software Development) จะทำให้คุณรู้จักที่ตั้งเป้าหมายเพื่อจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและถูกต้อง ดังนั้นคุณจำเป็นต้องระบุหรือกำหนดความต้องการของคุณให้ละเอียดและชัดเจนที่สุด
เอกาสารที่ระบุความต้องการที่ชัดเจนสำหรับใช้ในการอ้างอิง คือสิ่งสำคัญในขั้นตอน คุณต้องจัดทำข้อมูลความต้องการต่างๆ แบบเจาะจง (Requirements on specifications) , ข้อมูลการใช้งานที่มีอยู่แล้ว (Use cases), ข้อมูลการทดสอบต่าง (Test Scenarios) รวมถึงข้อมูลเกณฑ์การยอมรับของผู้ใช้งาน (User acceptance criteria) เป็นต้น นอกจากนั้นคุณจะต้องระบุสิ่งที่ต้องทำ และควรระบุสิ่งที่ไม่ควรทำด้วย ดังนั้นสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่กำหนดเอง (custom software development) ควรมีขอบเขต (Scope)และข้อจำกัด (Limitation) ที่เคลียร์และชัดเจน
“A good requirements document is Correct, Clear, Concise, Consistent and Complete”
เอกสารข้อกำหนดที่ดีนั้นต้องไม่ผิดพลาด ชัดเจน รัดกุม สม่ำเสมอ และครบถ้วน
เมื่อพูดถึงความต้องการ (Requirements) สิ่งที่ดีที่สุดคือ การได้ทำงานร่วมกันในทีมงานที่เชี่ยวชาญ ที่จะสามารถทำให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ได้ด้วยดี ดังนั้นความร่วมมือกัน (Collaborator) เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ
การตัดสินใจเลือกบริษัทรับพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software House ) หรืออาจจะเป็น Custom Software Development Company อื่น ๆ ควรพิจารณาจากการพูดคุย ปรึกษา การให้ความความร่วมมือกับทีมหรือบริษัทของคุณเป็นหลัก
(รายละเอียดตัวอย่างของการพัฒนาร่วมกัน https://area51.twinsynergy.co.th/services/ )
นี่ก็เป็นอีกส่วนสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (custom software development) เพราะคุณจำเป็นต้องหาข้อมูลต่างๆ หาเครื่องมือต่างๆที่มีแบบสำเร็จอยู่แล้วมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ทั้งในด้านความเหมาะสม ความตอบโจทย์ หรือแม้กระทั่งราคาและระยะเวลา เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (custom software) ที่คุณต้องการทำนั้นคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไร
ดูตัวอย่าง : https://area51.twinsynergy.co.th/portfolio/
มีเหตุผลหลายอย่างที่ตอบได้ว่าทำไมซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองหรือที่ปรับแต่งเองได้ (Custom Software Application) จึงเป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่า สำหรับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์จำนวนมาก ตามที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้คือคุณสามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ของคุณเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับธุรกิจ ได้ตามความต้องการและความเหมาะสม แต่มาดูข้อดีอื่น ๆ กันอีกหน่อยดีกว่า
ข้อดีอย่างหนึ่งของซอฟต์แวร์ที่มีความเฉพาะ คือมันสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับธุรกิจของคุณได้ ด้วยเหตุนี้คุณจึงสามารถที่เตรียมความพร้อมให้กับเจ้าชิ้นงานซอฟต์แวร์ที่กำหนดเองของคุณ (custom software) ให้สามารถขยายได้ (Scale) และคุณสามารถวางแผนเพื่อให้มันเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณได้อีกด้วย
ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้รับประโยชน์จากการสร้างเจ้าซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (custom software) เราสามารถทำมันตามความต้องการ ความเหมาะสมในแบบเฉพาะกับธุรกิจหรือลูกค้าของเรา (end-user) แบบต่อเนื่อง จึงต้องทำให้มีความยืดหยุ่นที่มากพอสมควร รวมถึงเราอาจต้องมีทางเลือกเพื่อปรับแต่งบางสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง และเพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา วิธีนี้จะทำให้กลุ่มผู้ใช้มีความซื่อตรงอย่างมีเอกลักษณ์
แม้ว่านี้อาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (custom software development) จะช่วยคุณช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวมากกว่าซอฟต์แวร์แบบสำเร็จรูป (COTS software) การลงทุนเป็นสิ่งสำคัญในจุดเริ่มต้นของการเริ่มต้นธุรกิจ หากคุณจำเป็นต้องเดิมพันบางอย่าง เมื่อคุณสร้างซอฟต์แวร์แบบกำหนดเอง (custom software) ในระยะยาวจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดระบบ การสมัครสมาชิกและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตซึ่งเป็นปัญหาที่คุณอาจพบเมื่อคุณซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ (commercial oof-the-shelf software)
มันคือซอฟต์แวร์ของคุณ เพราะบริษัทของคุณมีสิทธิทั้งหมดอย่างถูกต้องของนวัตกรรมนั้น คุณคือเจ้าของทุกๆส่วนของซอฟต์แวร์ คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าคุณต้องการที่จะเพิ่มปรับหรือจะลบคุณสมบัติอะไร เท่าไหร่ ก็ได้ สามารถกำหนดผู้ใช้งาน กำหนดทิศทางของผู้ใช้งานได้เอง และมันคือซอฟต์แวร์แบบกำหนดเองที่ไม่ซ้ำกันและเป็นของคุณเท่านั้นแต่เพียงผู้เดียว
สำหรับธุรกิจและสตาร์ทอัพ (Start Up) สิ่งสำคัญคือ การรักษาแบรนด์และเอกลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองในตลาด ทั้งในแง่ของข้อมูลประจำตัว (Business Identity) ดังนั้นธุรกิจต้องการเครื่องมือที่สามารถช่วยปรับปรุงการดำเนินงานได้ เครื่องมือเหล่านี้ยังจำเป็นต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อการเติบโตของธุรกิจอีกด้วย
เครื่องมือซอฟต์แวร์ทั่วไปบางอย่าง ได้แก่ เครื่องมือติดตามการบันทึกเวลา (time-Trackers) ระบบการจัดการ KPI (KPI Management Systems) แต่ละอย่างล้วนมี work flow เฉพาะสำหรับแต่ละบริษัท
นอกเหนือจากเครื่องมือทางธุรกิจภายในแล้ว แอปพลิเคชั่นหรือซอฟต์แวร์ที่เน้นเฉพาะกลุ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของกิจกรรมประจำวันของผู้คนในชีวิตประจำวันแบบอัตโนมัติ ยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจใช้ Custom Software เป็นแกนหลักหรือผลิตภัณฑ์ของคุณได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแต่คุณจำเป็นต้องทำงานร่วมกับทีมที่มีประสบการณ์และกระตือรือร้นในการช่วยให้คุณบรรลุสิ่งที่คุณต้องการให้กับซอฟต์แวร์ของคุณ
หากคุณกำลังมองหาทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณ พวกเรา Twin Synergy ยินดีให้บริการด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญ
ปรึกษาเราได้ฟรี 24ชั่วโมง
https://area51.twinsynergy.co.th/contact/
ติดต่อพวกเราได้ที่ :
[email protected]
https://www.facebook.com/TwinSynergyTH
โทร: 063-789-9059, 02-153-9489